The Canadian Advantage

ทำไมครอบครัวไทยที่วางแผนระยะยาวเลือกเทคโนโลยีในแคนาดาแทนสหรัฐฯ
โดย แอช เดวระ

Eng

⠀|⠀

ไทย

มุมมองกลยุทธ์ที่หลายครอบครัวไทยยังไม่ทันเห็น


ในขณะที่หลายครอบครัวไทยยังคงจับจ้องไปที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ครอบครัวที่มีข้อมูลเชิงลึกทั่วโลกกลับเริ่มขยับตัวเลือกไปยังมหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีในแคนาดา ซึ่งกำลังกลายเป็นทางเลือกที่โดดเด่นสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการความสำเร็จระยะยาวในสายเทคโนโลยี

ในฐานะศิษย์เก่า UBC และนักลงทุนด้านเทคโนโลยี ผมเห็นด้วยตาตัวเองว่า สถาบันการศึกษาของแคนาดาสร้างบัณฑิตที่ไม่เพียงแค่ทัดเทียมกับสหรัฐฯ แต่ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จในสายอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการมากกว่าอีกด้วย


ข้อได้เปรียบด้านการย้ายถิ่นฐานที่ไม่ควรมองข้าม


ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุด คือ ความมั่นคงด้านการย้ายถิ่นฐาน ในขณะที่นักศึกษาในสหรัฐฯ ต้องลุ้นกับระบบ H1-B Lottery ที่มีโอกาสได้เพียง 36% [US Citizenship and Immigration Services, FY 2023 H-1B Cap Results] นักศึกษาที่เรียนจบในแคนาดาจะได้รับใบอนุญาตทำงานหลังเรียนจบ (Post-Graduation Work Permit) แบบอัตโนมัติ 3 ปี [Immigration, Refugees and Citizenship Canada - Post-Graduation Work Permit Program]

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการได้อยู่ต่อ แต่คือความมั่นใจที่จะสร้างธุรกิจและสร้างฐานะระยะยาว

สำหรับครอบครัวไทยที่ลงทุนหลักล้านเพื่อการศึกษาต่างประเทศ คำถามที่ต้องถามคือ หากเรียนจบแล้วลูกไม่สามารถอยู่ในตลาดงานนั้นต่อได้ ผลตอบแทนการลงทุนจะคุ้มค่าหรือไม่?

พลังที่ซ่อนอยู่ของศิษย์เก่าเทคโนโลยีแคนาดา


เรื่องราวความสำเร็จของสหรัฐฯ มักบดบังบทบาทของแคนาดาในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีโลก::


1. Ilya Sutskever

ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI และเบื้องหลัง ChatGPT ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยโตรอนโต [University of Toronto Alumni Profile]

2. Geoffrey Hinton

“บิดาแห่ง AI” ใช้เวลาทำงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยโตรอนโตนานหลายสิบปี ก่อนจะสร้างผลงานระดับโลกและขายกิจการให้ Google มูลค่า 44 ล้านดอลลาร์ [Google AI Blog, 2013]

3. Brendan Eich

ผู้คิดค้น JavaScript (แกนหลักของการพัฒนาเว็บไซต์สมัยใหม่) ก็มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับแวดวงเทคโนโลยีในแคนาดาผ่านมหาวิทยาลัยวอเตอร์ลู [Tech industry publications]


ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่ข้อยกเว้น แต่สะท้อนให้เห็นถึงข้อได้เปรียบเชิงระบบที่มหาวิทยาลัยแคนาดามีต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ

ข้อได้เปรียบด้าน AI/ML Research


มหาวิทยาลัยแคนาดานำการวิจัยด้าน AI/ML ในระดับโลก และเปิดโอกาสให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีได้มีส่วนร่วมจริง:

University of Waterloo เป็นศูนย์วิจัย AI ชั้นนำของโลกที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาร่วมวิจัยที่สามารถนำไปต่อยอดกับบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ [University of Waterloo AI Institute Annual Report]

Vector Institute แห่ง University of Toronto เปิดให้ปริญญาตรีเข้าถึงงานวิจัยที่ในสถาบันอื่นอาจต้องใช้วุฒิระดับปริญญาเอก [Vector Institute Research Publications]

• UBC’s Machine Learning Labs มีความร่วมมือโดยตรงกับบริษัทอย่าง Microsoft, Amazon และ Google ทำให้นักศึกษาได้ประสบการณ์จริงที่โปรแกรมในสหรัฐฯ อาจยังไม่สามารถเทียบได้ [UBC Computer Science Industry Partnership Reports]


คณิตศาสตร์การลงทุนที่เหนือกว่า


นอกจากคุณภาพการเรียนที่โดดเด่นแล้ว ด้านการเงินยังได้เปรียบ:


• ค่าเล่าเรียนต่ำกว่าสหรัฐฯ ถึง 40-60% [Statistics Canada Education Cost Survey vs US Department of Education data]

• อัตราแลกเปลี่ยนที่เอื้ออำนวย [Bank of Canada exchange rate data]

• ใบอนุญาตทำงานหลังเรียนจบ 3 ปี เพิ่มโอกาสคืนทุนได้ทันที [IRCC PGWP guidelines]

• เส้นทางสู่การขอถิ่นที่อยู่ถาวรเพื่อสร้างฐานะระยะยาว [Canadian Experience Class immigration statistics]

สำหรับครอบครัวไทย หมายถึงผลลัพธ์การศึกษาและโอกาสในตลาดงานที่คุ้มค่ากว่าในภาพรวม


Reserve Consultation


เส้นทางอาชีพที่วางแผนได้


ครอบครัวที่เข้าใจมุมนี้ รู้ว่าการเรียนเทคโนโลยีในแคนาดา สร้างเส้นทางอาชีพที่มั่นคงกว่า:


ระยะที่ 1: การเรียนการสอนเทคโนโลยีระดับโลก พร้อมโอกาสเชื่อมต่อกับอุตสาหกรรมโดยตรง

ระยะที่ 2: ใบอนุญาตทำงานอัตโนมัติ สร้างโอกาสทำงานทันที

ระยะที่ 3: ย้ายไปทำงานใน Silicon Valley ได้ง่าย เพราะวุฒิการศึกษาแคนาดาได้รับการยอมรับ [LinkedIn career transition data for Canadian tech graduates]

ระยะที่ 4: โอกาสเป็นผู้ประกอบการ พร้อม Safety Net ด้านสถานะพำนักในแคนาดา


ในขณะที่เส้นทางสหรัฐฯ แม้จะให้การศึกษาที่ดี แต่กลับเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนด้านวีซ่า ซึ่งทำให้หลายคนต้องกลับประเทศก่อนจะได้สร้างอาชีพ


จุดเด่นของ Vancouver Tech Ecosystem


ผมเคยเรียนที่ UBC และได้สัมผัสกับความพิเศษของ Vancouver ในฐานะจุดเชื่อมระหว่างตลาดเทคโนโลยีเอเชียและอเมริกาเหนือ เมืองนี้เต็มไปด้วยบริษัทใหญ่ (Microsoft, Amazon, Google, Facebook) และยังคงเชื่อมโยงกับตลาดเอเชียที่นักศึกษาไทยคุ้นเคย [Vancouver Economic Commission Tech Sector Report]

นี่คือโอกาสที่ไม่ค่อยมีในสหรัฐฯ เพราะนักศึกษาสามารถใช้ความเข้าใจตลาดเอเชียควบคู่กับเครือข่ายและทรัพยากรในอเมริกาเหนือได้อย่างเต็มที่


จังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุด


ตอนนี้มหาวิทยาลัยแคนาดาอยู่ในช่วง “Golden Moment” ที่มีทั้งคุณภาพการศึกษาและอัตราการตอบรับที่ยังเปิดกว้างสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มีคุณสมบัติ [Canadian university admission statistics] ในขณะที่ยังให้การศึกษาที่ทัดเทียม (หรือดีกว่า) มหาวิทยาลัยสหรัฐฯ

สำหรับนักศึกษาไทย นี่คือโอกาสเชิงกลยุทธ์ที่อาจไม่ได้มีให้คว้าได้ตลอดไป


มุมมองสร้างฐานะระยะยาว


หากมองในมุมการลงทุน การศึกษาด้านเทคโนโลยีในแคนาดาให้ผลตอบแทนความเสี่ยง (Risk-Adjusted Return) ที่ดีกว่า:


• ค่าใช้จ่ายการศึกษาต่ำกว่า

• โอกาสได้รับใบอนุญาตทำงานหลังเรียนจบสูงกว่า

• โอกาสขอถิ่นที่อยู่ถาวรเพื่อความมั่นคง

• โอกาสก้าวหน้าในอาชีพที่เทียบเท่าหรือดีกว่า

• ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับการวางแผนครอบครัวในระยะยาว


ทำไมต้องคิดเรื่องนี้ตอนนี้


โอกาสนี้อาจไม่อยู่กับเราตลอดไป เมื่อครอบครัวต่างๆ เริ่มเห็นข้อดีของแคนาดา การแข่งขันก็จะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ นโยบายการย้ายถิ่นฐานอาจเปลี่ยนแปลงและลดข้อได้เปรียบที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ครอบครัวไทยที่เข้าใจมุมมองเชิงกลยุทธ์นี้ จึงเริ่มวางแผนให้ลูกหลานได้เปรียบในอนาคต ส่วนใครที่มองข้าม อาจพลาดโอกาสการลงทุนทางการศึกษาที่สำคัญที่สุดในทศวรรษหน้า

คำถามไม่ใช่ว่า “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีในแคนาดาดีหรือไม่” แต่คือ “ครอบครัวไทยฉลาดพอที่จะมองเห็นข้อได้เปรียบนี้ และลงมือทำ ก่อนที่คนอื่นจะเห็นหรือไม่?”


ติดต่อเรา เพื่อรับคำปรึกษาส่วนบุคคลด้านกลยุทธ์การวางตำแหน่งมหาวิทยาลัยที่ออกแบบมาเพื่ออนาคตครอบครัวคุณโดยเฉพาะ